สัญญาณเตือน โรคสมองเสื่อม รู้ก่อนชะลอได้

สัญญาณเตือน โรคสมองเสื่อม รู้ก่อนชะลอได้

จากผลการวิจัยของนายกสมาคมโรคสมองเสื่อมฯ เผยว่าประชากรไทยป่วยโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นปีละ 10% โดยในผู้สูงอายุที่ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ทำกิจกรรมทางกายภาพ หรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีโอกาสเกิดภาวะโรคสมองเสื่อมมากถึง 9 ใน 10 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2565) ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวว่าตนมีอาการโรคสมองเสื่อม ทั้งนี้ภาวะอาการของโรคจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จนมีอาการโรคสมองเสื่อมขั้นสูงสุดในช่วงอายุ 84 ปี หลังจากนั้นจะลดลงเรื่อยๆ ในช่วงอายุ 85-99 ปี แต่ทว่าในปัจจุบันการพัฒนาของยารักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมนั้น ไม่สามารถแก้อาการให้หายขาดได้ เนื่องจากเป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น หากผู้ป่วยเข้าสู่ระยะสุดท้ายของโรคสมองเสื่อมจะต้องมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

โรคสมองเสื่อมคืออะไร?

โรคสมองเสื่อม (Dementia) คือ ภาวะการทำงานของสมองมีความบกพร่อง ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมมีปัญหาด้านความจำ ความคิด การใช้ภาษา การใช้เหตุผล และการตัดสินใจในชีวิตประจำวันผิดปกติไป โดยผู้ป่วยจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ทำให้พฤติกรรมหรือบุคลิกเปลี่ยนไป เช่น การสื่อสารแย่ลง การคิดคำพูดช้าลง การตัดสินใจแย่ลง รวมไปถึงสิ่งที่เคยทำในชีวิตประจำวันอาจไม่สามารถทำได้ จนในที่สุดผู้ป่วยความจำเสื่อมอาจไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงต้องมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด

โรคสมองเสื่อมมีสาเหตุจากอะไรบ้าง?

โดยส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมมีสาเหตุหลักที่พบบ่อย คือ 

1.โรคสมองเสื่อมที่เกิดจากความเสื่อมของสมองโดยตรง หรือ โรคอัลไซเมอร์ 

Alzheimer’s disease หรือ โรคอัลไซเมอร์ เป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อมที่พบได้มากที่สุด ซึ่งอาการของโรคจะเริ่มต้นจากภาวะสมองฝ่อลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะในส่วนของสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ เมื่อระยะเวลาผ่านไปสมองส่วนอื่นๆ ของผู้ป่วยจะฝ่อตาม ทำให้ส่งผลต่อความคิด การสื่อสาร พฤติกรรม และการตัดสินใจ นำไปสู่อาการของโรคที่มากขึ้น ดังนั้นหากต้องการชะลอความรุนแรงของโรคสมองเสื่อมให้เกิดช้าลง ควรหมั่นสังเกตผู้สูงอายุในครอบครัว หากพบว่ามีอาการหลงลืม ของหายบ่อย จำเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ หรือ ถามเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและทำการรักษาอย่างทันท่วงที

2.โรคสมองเสื่อมที่เกิดจากเส้นเลือดในสมองผิดปกติ

ภาวะเส้นเลือดในสมองผิดปกติ หรือ Vascular Neurocognitive Disorder มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น ไขมันในเลือดสูง ความดันสูง หรือ เบาหวาน โรคเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เส้นเลือดเล็กๆ ในสมองตีบตัน หรือ เส้นเลือดในสมองแตก นำไปสู่ภาวะของเนื้อสมองทำงานไม่ปกติ จนในที่สุดสมองในส่วนของความคิด ความจำ และการรับรู้ของผู้ป่วยเริ่มแย่ลงไปเรื่อยๆ

นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทางการแพทย์สามารถทำการรักษาให้หายได้ ตัวอย่างเช่น โรคสมองเสื่อมที่เกิดจากฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ภาวะโพรงสมองโต การติดเชื้อในสมอง มีเนื้องอกในสมอง มีเลือดคั่งในสมอง รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ และขาดวิตามินที่มีส่วนสำคัญต่อสมอง เป็นต้น

สัญญาณเตือนโรคสมองเสื่อมมีอะไรบ้าง?

อาการริเริ่มของโรคสมองเสื่อมส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว เนื่องจากอาการจะค่อยๆ เป็นมากขึ้นอย่างช้าๆ ดังนั้นการสังเกตสัญญาณเตือนที่ดีที่สุดจะต้องเกิดจากผู้ใกล้ชิด ที่หมั่นสังเกตผู้สูงอายุว่ามีพฤติกรรม หรือ บุคลิกภาพ ว่าตรงกับข้อต่อไปนี้ตั้งแต่ 5 ข้อขึ้นไปหรือไม่ 

  • มีอาการหลงลืมบ่อย ลืมว่าวางของไว้ที่ไหน อาจโทษผู้อื่นว่านำของไปซ่อน ลืมเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน มีความจำระยะสั้นไม่ค่อยดี 
  • มักถามเรื่องเดิมซ้ำๆ ลืมว่าเคยพูดเรื่องเดิมไปแล้ว
  • ลืมกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่เคยทำเป็นประจำ
  • มีปัญหาในการจัดการเงิน การคิดเลข คิดเงิน ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
  • มีอาการซึมเศร้า ไม่ร่าเริงสดใส
  • มีปัญหาความจำเรื่องเส้นทาง ทิศทาง ส่งผลต่อการขับขี่ หลงทางบ่อย จำทางไม่ได้

  • ลืมชื่อคนรู้จัก ลืมชื่อสิ่งของ ใช้เวลาในการเลือกคำพูดนาน พูดไม่จบประโยค 
  • ไม่สนใจกิจกรรม หรือ งานอดิเรกที่เคยชื่นชอบ เข้าสังคมน้อยลง
  • มีอาการเฉื่อยชา หงุดหงิดง่าย กังวล สงสัย 
  • เห็นภาพหลอน เห็นหรือได้ยินเสียงแปลกๆ และเชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นจริง

หากพบว่าผู้สูงอายุที่ใกล้ชิดมีอาการใกล้เคียงที่กล่าวมามากกว่า 5 ข้อขึ้นไป ประเมินได้ว่าอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อมได้ จึงไม่ควรนิ่งนอนใจอย่างยิ่ง ควรเข้ารับการวินิจฉัยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด 

โรคสมองเสื่อมเกิดขึ้นในคนอายุน้อยได้หรือไม่?

อย่างที่ทราบกันแล้วว่าโดยส่วนใหญ่โรคสมองเสื่อมมักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ แต่ทราบหรือไม่ว่าคนอายุน้อยก็มีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมได้เช่นเดียวกัน โดยจากสถิติพบในคนอายุน้อยมากถึง 6.9% ของจำนวนผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมทั้งหมด และส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานทั้งสิ้น ประเด็นสำคัญที่น่าเป็นห่วงคือ มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาวะความเครียดจึงไม่สังเกตความผิดปกติดังกล่าว ทำให้อาการของโรคลุกลามไปสู่ภาวะอันตรายได้โดยไม่รู้ตัว

สาเหตุของโรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อยเกิดจากอะไร?

  • มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคสมองเสื่อมตั้งแต่อายุยังน้อย
  • มีเนื้องอกสมอง หรือ ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
  • มีภาวะสมองติดเชื้อ เช่น เอชไอวี ซิฟิลิส และไวรัสอื่นๆ
  • มีภาวะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ส่งผลให้เกิดอาการเส้นเลือดสมองตีบจนนำไปสู่ภาวะเซลล์สมองตาย
  • มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ
  • ดื่มแอลกอฮอล์ หรือ สูบบุหรี่ เป็นประจำ
  • ภาวะร่างกายขาดวิตามิน B12 ส่งผลให้เซลล์สมองเสื่อม

ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยโรคสมองเสื่อม

1.การซักประวัติและตรวจร่างกาย

โดยทั่วไปญาติหรือผู้ใกล้ชิดควรเข้าร่วมการซักประวัติด้วย เนื่องจากผู้ป่วยมักให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนซึ่งเกิดจากอาการหลงลืม หรือบางรายอาจคิดว่าตนไม่ได้ป่วยจึงไม่สามารถให้ข้อมูลที่แพทย์ต้องการได้ละเอียดเท่าที่ควร

ตัวอย่างการซักประวัติ

  • ระยะเวลาที่มีอาการ
  • ลักษณะการเดิน การทานอาหาร การใช้ยา
  • โรคประจำตัว
  • ลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน
  • ประวัติการบาดเจ็บทางสมอง
  • ประวัติคนในครอบครัวเกี่ยวกับโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

2.การตรวจโรคสมองเสื่อมโดยการตรวจเลือด

เป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อให้ทราบความผิดปกติของระบบเมตาโบลิกของร่างกาย การเจาะเลือดจึงช่วยในการวินิจฉัยโรคสมองเสื่อมได้ละเอียดมากขึ้น 

3.การตรวจโรคสมองเสื่อมโดยแบบทดสอบความจำ

เป็นวิธีการตรวจที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้ตอบแบบทดสอบ เพื่อทดสอบความจำและสามารถระบุได้ว่าอาการหลงลืมที่เกิดขึ้น รวมไปถึงแพทย์อาจให้ทำกิจกรรมบางประเภทเพื่อทดสอบ เช่น การวาดรูป คิดเลข เขียนนาฬิกา ให้ได้ผลลัพธ์ว่ามีแนวโน้มของภาวะของโรคสมองเสื่อมหรือไม่

4.การตรวจโรคสมองเสื่อมโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging)

เป็นการตรวจโรคสมองเสื่อมด้วย Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI เป็นการตรวจด้วยคลื่นวิทยุร่วมกับคลื่นสนามแม่เหล็ก ซึ่งจะสร้างภาพแบบ 3 มิติโดยไม่ใช้รังสีเอกซเรย์ในการทำให้เกิดสัญญาณเพื่อสร้างเป็นภาพ การตรวจแบบนี้จะได้ภาพที่คมชัด คล้ายกับลักษณะของสมองมากที่สุด มีประสิทธิภาพสูง ทำให้แพทย์สามารถทำการวินิจฉัยความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมได้อย่างแม่นยำ ที่สำคัญคือเป็นการตรวจที่ไม่ทำให้ผู้ตรวจรู้สึกเจ็บปวด

 
โรคสมองเสื่อมมีแนวทางการรักษาอย่างไร?

  • หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเกิดจากสาเหตุที่สามารถรักษาได้ แพทย์จะทำการรักษาโรคสมองเสื่อมตามสาเหตุของโรคนั้นๆ
  • หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคสมองเสื่อมแบบอัลไซเมอร์ จะใช้การรักษาด้วยการประคองอาการไม่ให้รุนแรงเร็วขึ้น ซึ่งหากตรวจพบเร็วการรักษาก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการฝึกพัฒนาสมองด้วยวิธี Cognitive training
  • การรักษาโรคสมองเสื่อมด้านพฤติกรรมที่เกิดจากภาวะของโรค เช่น อารมณ์ร้อน ก้าวร้าว ด่าทอ จนส่งผลต่อการดูแลของผู้ใกล้ชิดที่ยากต่อการทำความเข้าใจ โดยแพทย์จะทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบและทำความเข้าใจผู้ดูแลเกี่ยวกับภาวะต่าง ๆ ของโรคสมองเสื่อม หรือ ในกรณีแพทย์อาจต้องใช้ยาเพื่อลดอาการของผู้ป่วยให้ดีขึ้น
  • การดูแลผู้ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม เนื่องจากการดูแลอาจส่งผลต่อสุขภาพกายและใจผู้ดูแลโดยตรง ภาวะต่างๆ อาจสร้างความทุกข์ใจ ความเครียดสะสม และความอ่อนล้าได้ ดังนั้นการแก้ไขปัญหา ให้คำปรึกษาผู้ดูแลจึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้คุณภาพชีวิตของผู้ดูแลดีนำไปสู่การดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น

โรคสมองเสื่อมเป็นภัยเงียบที่ควรทราบก่อน เพื่อให้สามารถชะลอความรุนแรงของอาการได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญของการเฝ้าระวัง คือ การทราบถึงสัญญาณเตือนที่เสี่ยงต่อการนำไปสู่โรคสมองเสื่อมได้ ทั้งนี้คนใกล้ตัวควรหมั่นสังเกตคนในครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรตัดสินไปเองว่าเป็นอาการที่ไม่น่าเป็นห่วง เพราะความชะล่าใจเพียงเล็กน้อย อาจนำไปสู่ภาวะที่รุนแรงและยากที่จะรักษาให้ดีขึ้นได้นั่นเอง

สำหรับผู้ที่ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับโรคสมองเสื่อม หรือ ต้องการตรวจวินิจฉัยโรคสมองเสื่อม สามารถติดต่อสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ ฮักษาคลินิก 

เบอร์โทร : 096-696-1999

LINE: @hugsa

Facebook : HUGSAMedical


HUGSA MEDICAL | รักษาด้วยหัวใจ ห่วงใยดุจญาติมิตร ใกล้ชิดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ