ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ สำคัญอย่างไร จำเป็นต้องฉีดทุกปีหรือไม่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ สำคัญอย่างไร จำเป็นต้องฉีดทุกปีหรือไม่

ในทุก ๆ ปีเมื่อถึงช่วงฤดูฝน ก็จะพบคนป่วยเป็นโรคต่าง ๆ กันจำนวนมากเลยทีเดียว จนโรคเหล่านั้นถูกเรียกว่าโรคที่มากับฤดูฝน แต่รู้หรือไม่ ว่าการที่คนเราป่วยนั้นไม่ได้เกิดจากน้ำฝน และน้ำฝนเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถทำให้คนเราป่วยได้ แต่สภาพอากาศที่ถูกฝนทำให้เย็นลง ความชื้นที่เพิ่มสูง และน้ำท่วมขัง นั่นก็คือแหล่งแพร่กระจายชั้นดีของไวรัสที่ทำให้คนเราป่วยนั่นเอง ยิ่งเมื่อเสื้อผ้าหรือเส้นผมของคุณเปียกอยู่ในอุณหภูมิต่ำก็จะทำให้ไวรัสเจริญเติบโต ร่างกายที่เย็นลงก็ทำให้ภูมิคุ้มกันของคุณตกลง จนสามารถติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ลมฝนก็สามารถพัดพาไวรัสจากอากาศมาหาตัวคุณจนก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะแพร่ระบาดในฤดูฝนของไทยทุก ๆ ปี จึงต้องมีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั่นเอง

รู้จักกับโรคไข้หวัดใหญ่

             โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus) เป็นโรคประจำฤดูกาลที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศไทย แต่พบเห็นได้ในประเทศข้างเคียงหรือต่างประเทศก็สามารถมีโรคไข้หวัดใหญ่ได้เช่นกัน เมื่อถึงฤดูฝนหรือฤดูหนาวของประเทศนั้น ๆ โดยในประเทศไทยของเรานั้นโรคไข้หวัดใหญ่มักจะระบาดในช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงตุลาคม อันเป็นช่วงฤดูฝน และรองลงมาคือช่วงเดือนมกราคมจนถึงมีนาคม อันเป็นช่วงฤดูหนาว

             โดยโรคไข้หวัดใหญ่นี้สามารถติดต่อกันได้ระหว่างคนสู่คน ผ่านระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นการไอ หรือจามในระยะ 1 – 2 เมตร การสัมผัสวัตถุต่าง ๆ ที่มีเชื้อ และการสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ก็สามารถติดเชื้อได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งกว่าเชื้อในตัวผู้ป่วยจะออกอาการ มักใช้ระยะเวลาฟักตัว 1 – 4 วัน โดยในระยะฟักตัวก็ยังสามารถแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นต่อไปได้อีก

             ซึ่งไข้หวัดใหญ่นี้แม้จะมีอาการคล้ายคนเป็นไข้หวัดธรรมดาทั่วไป แต่ก็เป็นหนึ่งในโรคที่ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงตามมา จนสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้มากกว่าไข้หวัดธรรมดาหลายเท่า ด้วยเหตุนั้นวงการแพทย์และสาธารณสุข จึงมีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ขึ้นมาเป็นประจำทุกปี

วัคซีนไข้หวัดใหญ่สำคัญอย่างไร?

             วัคซีนไข้หวัดใหญ่ภายในประเทศไทยนั้น เป็นวัคซีนที่ถูกผลิตโดยการใช้เชื้อโรคที่ตายแล้ว หรือใช้เพียงส่วนประกอบบางส่วนของเชื้อโรคแล้วประกอบขึ้นมาเป็นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แตกต่างกับวัคซีนบางตัวในยุคสมัยของโควิด -19 ที่ใช้เชื้อเป็น ซึ่งข้อดีของการใช้วัคซีนเชื้อตายนั้นก็คือมีความปลอดภัยสูง สามารถฉีดในเด็กและผู้สูงอายุได้อย่างครอบคลุม และไม่มีผลข้างเคียงตามมาหลังการฉีดวัคซีนด้วย

ความสำคัญของวัคซีนไข้หวัดใหญ่

  • ลดการแพร่ระบาดและการติดเชื้อ

             สำหรับบุคคลทั่วไป การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้นสามารถป้องกันการติดเชื้อได้มากถึง 70 – 90% เลยทีเดียว โดยร่างกายของคนเรานั้นจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสขึ้นมา ภายในระยะเวลา 14 วันหลังเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หากคนเหล่านั้นไม่ได้รับเชื้อก่อนหรือภายในระยะเวลา 14 วันหลังฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะติดเชื้อ

  • ลดความรุนแรงของเชื้อไข้หวัดใหญ่

             อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว ว่าไข้หวัดใหญ่นั้นมีอาการที่ค่อนข้างจะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา เพียงแต่มีอาการที่รุนแรงกว่า โดยอาการที่น่ากลัวของไข้หวัดใหญ่ก็คือการผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงติดต่อกันหลายวัน ยิ่งเป็นเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน จนสามารถก่อให้เกิดอาการชัดจากไข้สูงได้ นอกเหนือจากนี้แล้ว ไข้หวัดใหญ่ยังสามารถทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หายใจถี่ ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง และอาจเกิดภาวะขาดน้ำจากการทำงานหนักของไตได้ แต่ถ้าหากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ป้องกันเอาไว้ล่วงหน้า ก็จะสามารถลดความรุนแรง ไปจนถึงลดอาการดังกล่าวลงไปได้มาก

  • ลดความเสียหายที่เกิดกับร่างกาย

             โรคไข้หวัดใหญ่นั้น ไม่เพียงแต่จะแสดงอาการต่าง ๆ กับร่างกายรุนแรงแล้ว ก็สามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายดายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นปอดบวม หูอักเสบ หลอดลมอักเสบ ภาวะหายใจลำบาก ไปจนถึงกระตุ้นโรคหัวใจ โรคเลือด โรคเบาหวาน โรคไต ฯลฯ ให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น แต่ถ้าหากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านั้นไว้ล่วงหน้า ก็จะสามารถลดความเสียหายต่าง ๆ จากโรคประจำตัว และยับยั้งอาการที่จะเกิดขึ้นได้

  • ลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อ

             อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่เลย นั่นก็คือวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถที่จะป้องกันและลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไปได้ ต่อให้ในผู้ป่วยบางรายอาจยังมีอาการรุนแรงของไข้หวัดใหญ่อยู่บ้าง แต่ก็จะยับยั้งความอันตรายถึงชีวิตได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

ทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี?

             สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนต่าง ๆ รวมถึงวัคซีนโควิด – 19 กันแล้ว คงจะเกิดคำถามกันใช่หรือไม่ ว่าเหตุใดวัคซีนอื่น ๆ สามารถฉีดเพียงครั้งเดียวก็ป้องกันได้ อย่างเช่น วัคซีนป้องกันโปลิโอในวัยเด็ก กระทั่งโควิด – 19 เองการฉีดเข็มแรกก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น แต่การฉีดครั้งที่สอง ครั้งที่สาม หรือครั้งต่อ ๆ ไปก็ล้วนแล้วแต่เป็นทางเลือก ว่าจะฉีดหรือไม่ก็ได้ หากฉีดก็เป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเท่านั้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปมากเท่าไรก็ไม่จำเป็นต้องฉีดเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แต่วัคซีนไข้หวัดใหญ่กลับต้องฉีดใหม่ทุกปี

             สาเหตุนั้นก็เป็นเพราะว่าเชื้อไวรัสที่ทำให้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ สามารถเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ได้ทุกปี เนื่องจากเป็นปกติของเชื้อไวรัสที่จะต้องพัฒนาและปรับตัวเพื่อความอยู่รอด หากเชื้อไวรัสอยู่ตามธรรมชาติทั่วไปไม่นานก็จะตายด้วยอายุขัยตัวเอง จึงต้องอาศัยอยู่ในร่างกายของมนุษย์แล้วแพร่เชื้อต่อไป

             ทางการแพทย์และสาธารณสุขเอง ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของวัคซีนในทุก ๆ ปี เพื่อพัฒนาและปรับตัวเองให้เท่าทันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ด้วย โดยอ้างอิงจากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทางด้านร่างกายของมนุษย์ที่ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปี 2023 ไปแล้ว ก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ของปี 2023 เท่านั้น หากพบกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่พัฒนาตัวเองในปี 2024 แล้ว ก็จะไม่สามารถรับมือได้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อีกครั้งในปี 2024 นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากโรคไข้หวัดใหญ่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ จำเป็นกับใครบ้าง?

             หากเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์นั้น เมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว ก็สามารถที่จะหายได้เองโดยธรรมชาติ เพียงแค่ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับบุคคลทั่วไป จึงเป็นแค่หนึ่งในตัวเลือกหากไม่อยากเผชิญกับโรคไข้หวัดใหญ่เท่านั้น

             แต่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง สามารถเกิดภาวะแทรกซ้อน โรคประจำตัวกำเริบทรุดหนัก จนถึงสามารถเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับกลุ่มคนเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม โดยผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงนั้น ได้แก่

  • สตรีมีครรภ์ (อายุครรภ์มากกว่า 4 เดือนขึ้นไป)
  • เด็กเล็กอายุ 6 เดือน – 1 ปี
  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
  • ผู้ป่วยเป็นโรคอ้วน
  • ผู้ป่วยเป็นโรคทางสมอง (เช่น โรคลมชัก ผู้พิการอัมพาต อัมพฤกษ์ โรคกล้ามเนื้อและไขสันกลาง เป็นต้น)
  • ผู้ป่วยเป็นโรคเลือด หรือธาลัสซีเมีย
  • ผู้ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ติดเชื้อ HIV
  • ผู้ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง (เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง เป็นต้น)

             แต่ถึงอย่างนั้นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก็ไม่ใช่วัคซีนที่สามารถฉีดได้ในทุกเพศทุกวัยอย่างอิสระ เนื่องจากยังมีผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้อยู่ ได้แก่

  • เด็กเล็กที่มีอายุไม่ถึง 6 เดือน
  • ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่
  • ผู้ที่เคยมีประวัติการแพ้ไข่ที่รุนแรง
  • ผู้ที่มีไข้สูง หรือมีโรคติดเชื้อรุนแรงอยู่ในขณะนั้น
  • ผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด – 19 มาก่อน (หากต้องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ต้องเว้นช่วงอย่างน้อย 1 เดือน)

 

             สำหรับผู้ที่ได้รู้จักกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้ว และมีความสนใจ ต้องการที่จะฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเอาไว้ ก่อนที่จะแก้เมื่อสาย ก็สามารถเข้าติดต่อเพื่อรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ในทุก ๆ สถานพยาบาลใกล้บ้านของคุณ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน สถานีอนามัย หรือคลินิกต่าง ๆ รวมถึง ฮักษาคลินิก คลินิกที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยและผู้เคยรับการรักษามากมาย สามารถดูแลคุณได้ด้วยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความเอาใจใส่ พร้อมรับผิดชอบสุขภาพของคุณในทุก ๆ ด้าน

 

เบอร์โทร : 096-696-1999

LINE: @hugsa

Facebook : HUGSAMedical

HUGSA MEDICAL | รักษาด้วยหัวใจ ห่วงใยดุจญาติมิตร ใกล้ชิดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ