เตือนภัย เมื่อฟันผุเป็นเรื่องใหญ่ ส่งผลไปถึงโรคหัวใจ
ฟันผุ เป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ใคร ๆ ต่างก็รู้จักกันดี ซึ่งโรคฟันผุนี้แม้ว่าจะพบเห็นในเด็กได้บ่อยครั้งกว่า มีสถิติมากกว่า แต่ความจริงแล้ว ฟันผุนั้นเป็นโรคเรื้อรังที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย แม้ว่าคุณจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุได้ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล หรือละเลยการดูแลสุขภาพช่องปากให้สม่ำเสมอ ก็สามารถที่จะเผชิญกับโรคฟันผุได้แล้ว ซึ่งถ้าหากปล่อยให้ฟันผุเอาไว้จนลุกลามไปเรื่อย ๆ ก็จะไม่ได้ส่งผลเสียแค่กับฟัน เหงือก และช่องปากของคุณเท่านั้น แต่ยังสามารถแพร่กระจายไปจนถึงเส้นประสาท สร้างความอันตรายกับโรคร้ายอย่างโรคหัวใจได้อย่างเงียบเชียบ ไร้สัญญาณเตือนอีกด้วย
ฟันผุ เกิดจากอะไร
โรคฟันผุนั้น ไม่ได้เกิดจากแมงกินฟันอย่างที่ผู้ใหญ่หลอกเรามาตั้งแต่ยังเด็ก แต่เกิดจากแบคทีเรียภายในช่องปากของเรา ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะเติบโตได้ดีจากอาหารหวาน ๆ จำพวกแป้ง น้ำตาล และเครื่องดื่มรสหวาน เมื่อไรที่คุณทานอาหารเสร็จสิ้นแล้วหลงเหลือคราบหวาน ๆ ติดเคลือบฟัน แบคทีเรียเหล่านี้ก็จะผลิตกรดเข้มข้นออกมาเพื่อทำการย่อยเศษอาหาร โดยที่คุณเองก็ไม่สามารถรู้ตัวได้เลย แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งเอาไว้เช่นนั้นเรื่อย ๆ กรดจากแบคทีเรียเหล่านี้ก็จะทำลายชั้นฟันของคุณ เกิดเป็นกระบวนการทำลายแร่ธาตุ หรือ Demineralize ทำให้ฟันของคุณสึกกร่อน แล้วกลายเป็นโรคฟันผุนั่นเอง
สัญญาณจากช่องปาก บ่งบอกว่าคุณกำลังมีฟันผุ
โรคฟันผุนั้นถือว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ช่วงแรกจะไม่แสดงอาการอะไรมากนัก อาจจะไม่ถึงขั้นรบกวนการใช้ชีวิตของคุณ หรือแสดงความเจ็บป่วยอะไรออกมาให้เห็น แต่โรคฟันผุสามารถก่อให้เกิดอาการอักเสบรุนแรง ไปจนถึงก่อให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ผ่านทางกระแสเลือด ที่จะเปลี่ยนแปลงสุขภาพและการทานอาหารของคุณไปทั้งชีวิต จึงไม่ควรละเลยสัญญาณเตือนต่าง ๆ จากในช่องปาก ดังต่อไปนี้
- อาการปวดฟันหรือเสียวฟัน เมื่อคุณทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เย็นจัด ร้อนจัด หวาน หรือเปรี้ยว
- เกิดรูหรือหลุมที่ฟัน เมื่อใช้ลิ้นสัมผัสแล้วรู้สึกว่าฟันมีรู หลุม หรือว่ามีความหยาบซึ่งเกิดจากความสึกกร่อน
- เกิดจุดขาว น้ำตาล หรือดำ เนื่องจากฟันถูกทำลายด้วยกรดเข้มข้น จึงทำให้เกิดจุดขาวบนเนื้อฟัน แต่ถ้าหากมีการสึกกร่อนมากขึ้น จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและดำ
ระดับอาการของโรคฟันผุ
โรคฟันผุนั้น เป็นโรคที่สามารถแบ่งระดับความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด 4 ระยะ เช่นเดียวกับโรคเรื้อรังอื่น ๆ ซึ่งแต่ละระยะของโรคจะมีอาการ ดังต่อไปนี้
- ระยะที่ 1 : เริ่มแรกอาการของโรคฟันผุแทบจะไม่มีอะไรผิดปกติ นอกเสียจากจุดสีขาวที่เกิดขึ้นบนเนื้อฟัน หรืออาจจะพบเป็นสีน้ำตาล สีเทา หรือสีดำก็ได้
- ระยะที่ 2 : เมื่อเข้าสู่ระยะที่ 2 แล้ว จะทำให้คุณรู้สึกเสียวฟันเวลาทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เย็นจัด ร้อนจัด หวานหรือเปรี้ยว นอกจากนี้ฟันของคุณก็สามารถเห็นเป็นรูฟันผุได้ชัดเจนขึ้นด้วย
- ระยะที่ 3 : เมื่อเข้าสู่ระยะที่ 3 โรคฟันผุจะลุกลามเข้าไปถึงโพรงประสาทด้านในของเนื้อฟัน ส่งผลให้คุณมีอาการปวดฟัน อันเป็นอาการสำคัญของโรคฟันผุ
- ระยะที่ 4 : ระยะสุดท้าย ถ้าหากคุณปล่อยให้มีการปวดฟันเรื่อยไป การอักเสบก็จะลุกลามและเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้น จากที่แค่ปวดฟันหรือเหงือก ก็จะกลายเป็นมีอาการเหงือกและแก้มบวม ฟันโยก เกิดฝีหนองขึ้นที่บริเวณรากฟัน จากนั้นเชื้อแบคทีเรียก็จะลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดและระบบน้ำเหลือง ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายหรือกระตุ้นโรคร้ายต่าง ๆ ในร่างกายได้
เหตุใดฟันผุถึงก่อปัญหาให้โรคหัวใจ
จากหัวข้อที่กล่าวไปในข้างต้น ทุกคนก็คงจะได้รู้จักกับโรคฟันผุแล้ว ว่าเป็นโรคที่เกิดจากอะไรและอันตรายมากเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้นแล้วก็คงจะมีข้อสงสัยในใจกันใช่หรือไม่ ว่าอย่างนี้แล้วโรคฟันผุนั้นจะเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจได้อย่างไร อีกทั้งช่องปากของเรานั้นก็ห่างจากหัวใจมากพอสมควรด้วย
สาเหตุที่โรคฟันผุนั้นสามารถส่งผลถึงโรคหัวใจได้ด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุ กับเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้เยื่อบุหัวใจอักเสบ หรือลิ้นหัวใจอักเสบนั้น ก็คือเชื้อแบคทีเรียชนิดเดียวกันนั่นเอง ซึ่งก็เคยมีข่าวออกมาให้เห็นกันในข่าวช่อง 7 ว่าด้วยคุณหมอกอล์ฟ หรือ นพ.ธีรภัทร ศรีตะวรรณ แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์โรคหัวใจ ได้โพสต์ระบุเอาไว้ว่า ‘คนไข้ฟันผุ มาด้วยหายใจเหนื่อย H/C: Strep Viridan ลิ้นทะลุไปเลยจ้า 2 ลิ้น Sever MR,AR รักษาสุขภาพฟันด้วยนะ’
โดยทาง นพ.ธีรภัทร ศรีตะวรรณ หรือ คุณหมอกอล์ฟ ก็ได้กล่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า เชื้อแบคทีเรียตัวการที่ชื่อว่า Streptococcus Viridan นั้นตามปกติแล้วเป็นเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาก แต่ถ้าหากเกิดเหตุให้ภูมิคุ้มกันตก เชื้อแบคทีเรียนี้ก็สามารถเข้าสู่กระแสเลือด แล้วเข้าไปเกาะตามลิ้นหัวใจ ส่งผลให้เกิดลิ้นหัวใจรั่วได้อย่างรุนแรง จนหัวใจวายนั่นเอง
นอกจากนี้แล้ว โรคฟันผุนั้น ยังสามารถก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ไม่ใช่แค่เพียงโรคหัวใจ ตัวอย่างเช่น
- โรคปอดติดเชื้อ หากเชื้อแบคทีเรียตัวการนั้น ผ่านเข้าไปสู่ปอดจากน้ำลาย ยังสามารถทำให้เกิดปอดติดเชื้อได้
- โรคหลอดเลือดสมองตีบ หากโรคฝันผุเข้าสู่ระยะสุดท้าย สามารถก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองได้
- โรคมะเร็งช่องปาก หากโรคฝันผุทำให้เกิดอาการอักเสบเรื้อรัง ก็สามารถทำให้เนื้อเยื่อบริเวณช่องปากมีการเปลี่ยนแปลง แล้วกลายเป็นเซลล์มะเร็งในภายภาคหน้าได้อีกด้วย
ป้องกันโรคฟันผุ ป้องกันโรคหัวใจ ให้ชีวิตปลอดภัยอย่างมีสุข
เรียกได้ว่าโรคฟันผุนั้น ถึงจะเป็นโรคที่ดูเหมือนเล็กน้อย แต่ก็เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถหายขาดได้เองหากคุณไม่เข้าพบหรือเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องจากทันตแพทย์ และถ้าหากคุณไม่เริ่มรักษาตั้งแต่อาการระยะแรก ๆ ก็จะสามารถก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาจนเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นแล้ว ทุกคนจึงควรต้องดูแลรักษาสภาพฟันของตนเองให้สม่ำเสมอไม่ว่าจะอยู่ในเพศวัยไหนก็ตาม ซึ่งวิธีการดูแลรักษาสภาพฟันอย่างถูกต้อง มีดังต่อไปนี้
แปรงฟันอย่างถูกวิธี วันละ 2 ครั้งเป็นอย่างต่ำ
หากคุณแปรงฟันอย่างถูกวิธีขั้นต่ำวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น ก็สามารถช่วยป้องกันฟันผุได้แล้ว แต่ทางที่ดีที่สุดควรแปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหารหรือเครื่องดื่ม และใช้ยาสีฟันที่ดีได้มาตรฐาน มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ที่ป้องกันการเกิดฟันผุ
ใช้ไหมขัดฟันหรือน้ำยาบ้วนปากร่วมกับการแปรงฟัน
ใครหลายคนอาจจะคิดว่าเพียงแค่แปรงฟันนั้น ก็ทำให้ฟันของคุณสะอาดปลอดภัยได้แล้ว แต่ความจริงแล้วการแปรงฟันนั้นไม่สามารถขจัดเศษอาหารต่าง ๆ ได้อย่างหมดจด จึงต้องใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดไปจนถึงซอกฟัน หรือน้ำยาบ้วนปากที่ส่วนผสมของฟลูออไรด์ก็สามารถช่วยป้องกันฟันผุ ลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากได้เช่นกัน
รับประทานอาหารให้เป็นมื้อ ลดของจุบจิบระหว่างวัน
ยิ่งทานอาหารมากเท่าไร เศษอาหารก็จะหลงเหลืออยู่ในช่องปากของคุณมากขึ้น หากคุณต้องการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดฟันผุ จึงควรที่จะทานอาหารให้เป็นมื้อ ลดการรับประทานระหว่างวัน เท่าที่ทำได้
ลดอาหารที่มีน้ำตาลและแป้งเป็นส่วนผสมในปริมาณมาก
เนื่องจากแบคทีเรียในช่องปากนั้น เติบโตได้ดีจากน้ำตาลและแป้ง การลดอาหารที่มีส่วนประกอบเหล่านั้นในปริมาณมาก จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณฟันผุได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้เครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลมและน้ำผลไม้ที่มีความเปรี้ยวเองก็มีส่วนในการทำลายฟันของคุณอีกด้วย จึงควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง
เข้าพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอทุก 6 เดือน
สุดท้ายการป้องกันก่อนแก้ได้ดีที่สุด ก็คือการหมั่นพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอทุก 6 เดือนเพื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปาก ถ้าหากเกิดสิ่งผิดปกติใด ๆ ขึ้นบนฟันหรือช่องปากของคุณ ก็สามารถที่จะป้องกันหรือแก้ไขได้ก่อนที่จะลุกลามไปไกล แล้วฟันและเหงือกก็จะอยู่คู่กับคุณได้อีกนานแสนนาน
เนื่องจากสุขภาพนั้นเป็นเรื่องสำคัญ การจะฝากสุขภาพเอาไว้ที่ใครก็เสมือนฝากทั้งชีวิตเอาไว้ให้เขาดูแล ซึ่งเราก็ขอแนะนำคลินิกที่สามารถดูแลคุณได้ด้วยทีมแพทย์ผู้มากประสบการณ์ บุคลากรที่มีความพร้อม อุปกรณ์ครบวงจร ไปจนถึงสะดวกใกล้บ้านที่ ฮักษาคลินิก
เบอร์โทร : 096-696-1999
LINE : @hugsa
Facebook : HUGSAMedical
HUGSA MEDICAL | รักษาด้วยหัวใจ ห่วงใยดุจญาติมิตร ใกล้ชิดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ