อาการปวดหัวไมเกรน เป็นหนึ่งในโรคที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดหัวที่หลายคนคุ้นชื่อเป็นอย่างดี ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและมักเกิดขึ้นจนทำให้เกิดผลกระทบในชีวิตประจำวันได้ ส่วนใหญ่หลายคนเข้าใจว่าที่ตนเองมีอาการปวดหัวเป็นครั้งคราวแล้วหายไปนั้นอาจเป็นไมเกรน โดยหาซื้อยาแก้ปวดมาทานและไม่เข้ารับการตรวจรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทราบหรือไม่ว่าอาจทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นภัยใกล้ตัวที่คุณอาจมองข้ามไปได้ บทความจึงนี้ได้รวบรวมประเด็นสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับไมเกรน ให้ได้สังเกตอาการของตนเองได้ง่ายมากขึ้น ก่อนตัดสินใจมาพบแพทย์ต่อไป
ปวดหัว ไมเกรน คืออะไร?
ไมเกรน หรือ Migraine Headache คือ อาการปวดศีรษะที่เกิดจากความผิดปกติชั่วคราวของในการทำงานของสมอง ที่มีผลกระทบต่อสารเคมี หลอดเลือดในสมอง เส้นประสาท และระดับเคมีภายในสมอง ส่งผลให้มีอาการปวดซ้ำๆ จากการบีบและคลายตัวของหลอดเลือดในเยื่อหุ้มสมองที่มากกว่าปกติ ทำให้มีอาการปวดศีรษะข้างเดียว ปวดบริเวณรอบกระบอกตา รวมถึงมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตาไวต่อแสง (แพ้แสง) บางรายอาจมีอาการปวดทั้งสองข้างหรือปวดสลับซ้ายขวาได้เช่นกัน
สาเหตุของที่ทำให้เกิดไมเกรนคืออะไร?
ในปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุการเกินไมเกรนที่แน่ชัด แต่จากการรวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยทั่วโลกสามารถระบุปัจจัยต่างๆ ที่กระตุ้นทำให้เกิดการปวดหัวไมเกรน ดังนี้
ความเครียด
ฮอร์โมนหญิงมีการเปลี่ยนแปลง
การสูบบุหรี่
นอนหลับไม่เพียงพอ หรือ นอนหลับมากเกินไป
การใช้ยาบางชนิด
รับประทานอาหารไม่เพียงพอ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างเฉียบพลัน
แสง เสียง กลิ่น ที่มากกว่าปกติ
ออกกำลังการแบบหักโหม หรือ เคลื่อนไหวร่างกายมากเกินควร
การสืบทอดทางพันธุกรรม
การรับประทานอาหารไม่เพียงพอ
อาการของไมเกรนแบ่งได้เป็น 4 ระยะ
ไมเกรนสามารถแบ่งระยะอาการปวดออกเป็น 4 ระยะ โดยลำดับจากการแสดงอาการของผู้ป่วย ดังนี้
Prodrome : ระยะบอกเหตุล่วงหน้า
ส่วนใหญ่จะมีอาการบอกเหตุล่วงหน้าประมาณ 1-2 วัน ก่อนปวดหัวไมเกรน โดยจะมีอาการอารมณ์แปรปรวน ปวดตึงต้นคอ เป็นต้น
Aura : อาการเตือนนำ
ระยะนี้ผู้ป่วยไมเกรนบางรายมักจะมีอาการมองเห็นผิดปกติ รู้สึกได้ว่ามีความผิดปกติทางสายตา อาจเห็นภาพบิดเบี้ยว ภาพเบลอ เห็นแสงระยิบระยับ หรือเห็นแสงไฟสีขาวมีขอบหยัก ซึ่งในผู้ป่วยไมเกรนบางรายอาจไม่แสดงอาการเตือนนำนี้อย่างชัดเจน
Headache : อาการปวดศีรษะไมเกรน
ระยะนี้ผู้ป่วยไมเกรน หรือ คนทั่วไป มักจะคุ้นเคยกันดี เนื่องจากผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวตุ๊บๆ ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างสลับไปมา ซึ่งบางรายาอาจมีอาการรุนแรงจนส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ไม่สามารถทำงานได้ ส่วนใหญ่จะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้อาเจียน แพ้สิ่งเร้าต่างๆ ง่ายเป็นพิเศษ เช่น แสงจ้า กลิ่นฉุน หรือ เสียงดัง
Postdrome : เข้าสู่ภาวะปกติ
เป็นระยะที่ผู้ป่วยไมเกรนไม่มีอาการปวดจากระยะที่สาม (Headache) ระยะนี้ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ไวต่อสิ่งเร้า วิงเวียนศีรษะ และมีอาการสับสน ซึ่งคล้ายกับระยะที่สาม
แนวทางการรักษาไมเกรนในปัจจุบัน
จากเนื้อหาข้างต้นที่กล่าวว่าที่มีปัจจัยกระตุ้นไมเกรนได้หลากหลาย ดังนั้นการรักษาจะต้องเริ่มต้นจากการหาสาเหตุของไมเกรนในผู้ป่วยแต่ละคนให้ทราบก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นแพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด ดังนั้นการหมั่นสังเกตต้นตอที่ทำให้เกิดอาการไมเกรนในตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งแนวทางการรักษาของแพทย์จะเน้นไปที่การหาสาเหตุของไมเกรน จากนั้นจึงจะรักษาผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด โดยแนวทางการรักษาหลักๆ สามารถแบ่งได้ดังนี้
การบรรเทาอาการปวดไมเกรนด้วยยา
การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดไมเกรน เป็นเพียงแนวทางการลดความปวดเท่านั้น ไม่ใช่การรักษาให้หายได้ถาวร โดยแพทย์จะแนะนำให้ทานยาทันทีเมื่อมีอาการไมเกรน เพื่อให้ยาที่ทานมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดมากที่สุด
ยาบรรเทาอาการปวดไมเกรน (ชนิดไม่รุนแรง)
- ยาพาราเซตามอล
- ยาลดอาการอักเสบ (ไม่ใช่สเตียรอยด์) : Ibuprofen, Celecoxib, Etoricoxib Naproxen
ยาบรรเทาอาการปวดไมเกรน (ชนิดรุนแรง)
- ยากลุ่ม Triptans : Sumatriptan, Eletriptan
- ยาที่มีส่วนผสมของ Ergotamine : Ergotamine + Caffeine
การบรรเทาอาการร่วมของไมเกรนด้วยยา
เป็นการบรรเทา อาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเป็นอาการร่วมที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากอาการปวดหัวไมเกรน ด้วยยา Metoclopramide และ Domperidone
การใช้ยาป้องกันอาการปวดไมเกรน
เป็นแนวทางการป้องกันการเกิดไมเกรน ด้วยการใช้กลุ่มยายาลดความดัน ได้แก่ Verapamil, Metoprolol tartrate, Propranolol กลุ่มยาต้านอาการซึมเศร้า Amitriptyline กลุ่มยากันชัก Topiramate, Valproate และกลุ่มยา Calcitonin gene-related peptide (CGRP) monoclonal antibodies
การทำกายภาพบำบัดแก้อาการปวดไมเกรน
เป็นแนวทางการรักษาไมเกรนในกรณีที่พบว่าผู้ป่วยมีสาเหตุของโรคจากความผิดปกติของโครงสร้างทางร่างกาย ซึ่งมีผลมาจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โดยอาจเกิดจากการนอน ท่านั่ง ท่ายืน หรือ การเดิน ที่ไม่ถูกต้อง จึงส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ เกิดการฉีกขาดและทำงานไม่สมดุล ดังนั้นการทำกายภาพจะช่วยแก้ไขสาเหตุของอาการปวดหัวควบคู่ไปกับการรักษาให้ร่างกายทำงานได้อย่างสมดุลมากขึ้น
- การฝังเข็มบรรเทาอาการปวดไมเกรน
เป็นการรักษาและบรรเทาอาการปวดไมเกรนด้วยการใช้แพทย์ทางเลือก ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น วิธีฝังเข็มช่วยลดอาการปวดได้อีกวิธีหนึ่งซึ่งขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรคไมเกรนในแต่ละคนด้วย
- การใช้ยาฉีดป้องกันการเกิดไมเกรน
เป็นแนวทางการป้องกันไมเกรนด้วยการฉีดยาเข้าสู่เส้นประสาทบริเวณท้ายทอย หนึ่งทางเลือกที่แพทย์แนะนำสำหรับผู้ป่วยไมเกรนเรื้อรัง เนื่องจากไม่มีผลข้างเคียง มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถทนรับผลข้างเคียงที่เกิดจากยาป้องกันชนิดอื่นๆ ได้
การรักษาไมเกรนด้วยยามีข้อเสียหรือไม่?
การรักษาไมเกรนด้วยยานั้นอาจส่งผลเสียต่อร่างกายผู้ป่วยบางรายได้ เช่น อาจทำให้เกิดแผลเปื่อย แผลอักเสบ เลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้ เป็นโรคปวดศีรษะเรื้อรังแทรกซ้อนเนื่องจากการใช้ยาแก้ปวดเป็นระยะเวลานาน หรือ มีอาการข้างเคียงจากยาที่ส่งผลให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ ประสิทธิภาพในการหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายลดลง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยไมเกรน
สำหรับผู้ป่วยไมเกรนควรปฏิบัติตัวตามแนวทางการป้องกันโรคกำเริบซ้ำ และลดความรุนแรงจากอาการไมเกรนได้ด้วยแนวทางดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงสาเหตุที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดอาการไมเกรนให้ได้มากที่สุด โดยการหมั่นสังเกตว่าก่อนมีอาการปวด มีปัจจัยกระตุ้นใดบ้างที่ทำให้เกิดไมเกรนซ้ำๆ และส่งผลกับอาการปวดมากที่สุด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ร่างกายปรับระดับสารเคมีในร่างกายได้อย่างสมดุล ฟื้นฟูร่างกายให้ทำงานได้ปกติ ทั้งยังช่วยให้ร่างกายหลั่งสาร Endorphins ซึ่งส่งผลให้มีความสุขมากขึ้น ทั้งนี้ไม่ควรออกกำลังกายอย่างหักโหมเกินไป เพราะอาจเป็นปัจจัยให้เกิดไมเกรนได้เช่นเดียวกัน
- เมื่อมีอาการปวดไมเกรน ควรหยุดพัก 10-20 นาที ในห้องมืด มีอากาศถ่ายเท และเงียบสงบ
ปวดไมเกรนแบบไหนควรรีบไปพบแพทย์?
อาการปวดไมเกรนแบบไหน หรือ สัญญาณของไมเกรนแบบใด ที่บ่งบอกว่าควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
- ปวดศีรษะครั้งละนานๆ หรือ ปวดศีรษะบ่อยๆ
- มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดเมื่อยคอและมีไข้พร้อมๆ กัน
- ปวดศีรษะเรื้อรัง
- มองเห็นภาพซ้อน ภาพเบลอ
- มีอาการสับสน มึนงง พูดติดขัด อ่อนแรง หรือ มีอาการชัก
- อาการปวดศีรษะในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
สำหรับผู้ที่มีอาการข้างต้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม หรือ รักษาช้า อาจส่งผลให้อาการปวดไมเกรนรุนแรงมากขึ้น มีระยะอาการปวดนานขึ้น ความถี่ของไมเกรนกำเริบบ่อยขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้ร่างกายไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวดอีกต่อไปได้นั่นเอง
และสำหรับผู้ที่ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับโรคปวดหัว โรคไมเกรน หรือ ต้องการปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับไมเกรน สามารถติดต่อสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ ฮักษาคลินิก
เบอร์โทร : 096-696-1999
LINE: @hugsa
Facebook : HUGSAMedical
HUGSA MEDICAL | รักษาด้วยหัวใจ ห่วงใยดุจญาติมิตร ใกล้ชิดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ