รักษาโรคหนองใน

รักษาหนองในอย่างไร เป็นแล้วหายเองได้ไหม?

โรคหนองใน เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ความสำคัญในการเฝ้าระวังอย่างมาก เนื่องจากพบว่ามีอัตราผู้ป่วยโรคหนองในและภาวะดื้อยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่เป้าหมายที่ต้องการลดอุบัติการณ์ของการติดเชื้อหนองในทั่วโลก ให้ลดลง 90% ในปี พ.ศ.2573

เพื่อให้คุณสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นี้ได้อย่างเหมาะสม ฮักษา เมดิคอล (HUGSA MEDICAL) จะพาไปเจาะลึกโรคหนองใน ตั้งแต่สาเหตุ อาการ การตรวจวินิจฉัย วิธีรักษาหนองใน และวิธีป้องกัน อ่านจบแล้ว จะสามารถจัดการกับโรคนี้ได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน!

 

โรคหนองในคืออะไร?

โรคหนองในคืออะไร

โรคหนองใน (Gonorrhoeae) คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่าไนซีเรียโกโนเรีย (Neisseria gonorrhoeae) ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อบริเวณลำคอ อวัยวะเพศ และทวารหนัก 

โดยจากสถิติพบได้มากในกลุ่มวัยหนุ่มสาวที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปี และส่วนใหญ่มักจะเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาเมื่อโรคหนองในมีอาการรุนแรงและชัดเจนแล้ว ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาได้ 

นอกจากนี้ยังมีโรคหนองในเทียม ที่เกิดจากเชื้อ Chlamydia Trachomatis ที่นอกเหนือจากหนองในแท้ (Non Gonococcal Urethritis) หรือ NSU  ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการของโรคคล้ายกับโรคหนองในแท้แต่ไม่รุนแรง ทว่ามีความเสี่ยงต่ออาการเรื้อรังหากไม่ทำการรักษาอย่างถูกต้อง

 

โรคหนองในแท้และโรคหนองในเทียมต่างกันอย่างไร?

โรคหนองในทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้

โรคหนองในแท้และโรคหนองในเทียมมีความแตกต่างกันอย่างไร?

โรคหนองในแท้

เกิดจากการติดเชื้อ Neisseria gonorrhoeae มีระยะการฟักตัวตั้งแต่ 1-10 วัน ส่งผลให้ผู้ป่วยในเพศชายมีอาการปวดขณะปัสสาวะ รู้สึกแสบ อักเสบ มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ ในส่วนของผู้ป่วยเพศหญิงมีอาการท่อปัสสาวะอักเสบ ปากมดลูกอักเสบ และมีหนองไหลออกจากปากมดลูก เป็นต้น

 

โรคหนองในเทียม

เกิดจากการติดเชื้อ Chlamydia Trachomatis มีระยะการฟักตัวตั้งแต่ 10 วันขึ้นไป ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการที่ไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับโรคหนองในแท้ แต่มีอาการของโรคหนองในที่เรื้อรัง โดยในผู้ป่วยเพศชายมีจะของเหลวไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ และในผู้ป่วยเพศหญิงจะมีอาการคล้ายตกขาว มีลักษณะเป็นสีเหลือง ไหลออกจากช่องคลอด เป็นต้น

 

โรคหนองในมีอาการอย่างไร?

โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคหนองในเกิดจากการแพร่เชื้อโดยการมีเพศสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่ เชื้อจะอยู่บริเวณท่อปัสสาวะชายและหญิง ปากมดลูก ในบางรายพบเชื้อที่ทวารหนักและลำคอ ซึ่งลักษณะอาการของโรคหนองในที่พบได้ทั่วไป มีดังต่อไปนี้

อาการโรคหนองในผู้ชาย

  • หากพบเชื้อหนองในบริเวณท่อปัสสาวะ จะพบของเหลวสีเหลืองข้น หรือ สีขาว ไหลออกจากอวัยวะเพศ
  • รู้สึกเจ็บ ปวด เมื่อปัสสาวะ 
  • บริเวณปลายอวัยวะเพศมีอาการอักเสบ แดงผิดปกติ 
  • บางรายที่พบเชื้อหนองในบริเวณทวารหนักมักมีของเหลวไหลออกจากทวารหนัก 
  • ในส่วนของผู้ป่วยที่พบเชื้อบริเวณลำคอมักจะไม่แสดงอาการให้เห็นชัดเจน อาจรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบายตัว

อาการโรคหนองในผู้หญิง

โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยโรคหนองในผู้หญิงมักจะไม่แสดงอาการ หรือ รอยโรคให้เห็นชัดเจน แต่ในบางรายที่มีอาการจะพบว่ามีของเหลวออกจากช่องคลอดมากผิดปกติ คล้ายการตกขาว ประจำเดือนมาไม่ปกติ อ่อนเพลียไม่สบายตัว ถ่ายปัสสาวะลำบาก เจ็บอุ้งเชิงกรานในขณะมีเพศสัมพันธ์ 

หากพบเชื้อหนองในบริเวณทวารจะมีของเหลวออกจากทวารหนัก ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่เข้ารักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจทำให้เชื้อหนองในลุกลามสู่มดลูกและท่อทางเดินรังไข่ได้ ก่อให้เกิดอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบจนเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ได้ในที่สุด

 

จะทราบได้อย่างไรว่าติดเชื้อหนองใน?

หากสังเกตว่ามีอาการข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งทั้งตัวคุณและคู่นอน ควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อหนองใน หรือตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ อย่างเร็วที่สุด เพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรอง ซักประวัติ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด 

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแสดงของโรคหนองในแล้ว แพทย์จะทำการการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง (Gram stained smear) เพื่อทำการการย้อมสีของกรัม แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่มีอาการแสดงของโรคหนองในชัดเจน แพทย์จะทำการเก็บตัวอย่างจากทางปัสสาวะ (PCR for Urine) 

การตรวจหนองในเบื้องต้นนั้น ใช้เวลาไม่นานและทราบผลได้ภายใน 1 สัปดาห์ ในกรณีที่ผลการตรวจยืนยันว่าเป็นโรคหนองใน แพทย์จะทำการตรวจเลือดเพื่อคัดกรองหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เพิ่มเติมร่วมด้วย ดังนั้นหากทราบว่าตนมีความเสี่ยงในการติดเชื้อหนองใน ไม่ควรรอช้าที่จะปรึกษาแพทย์โดยตรง ก่อนที่เชื้อจะลุกลามไปสู่ภาวะอันตราย

 

โรคหนองในหายเองได้หรือไม่?

เนื่องจากหลายคนยังมองว่าโรคหนองในเป็นโรคที่น่าอาย ไม่กล้าเข้ารับการตรวจอย่างเหมาะสม จึงมีข้อสงสัยว่าโรคหนองในเป็นแล้วสามารถหายเองได้หรือไม่ คำตอบคือ ไม่สามารถรักษาให้หายเองได้ ควรเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาตามลักษณะอาการของโรคในผู้ป่วยแต่ละราย ในกรณีที่พบว่ามีการติดเชื้อหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ร่วมด้วย จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาอย่างต่อเนื่อง

 

เราจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหนองในอย่างไร?

อย่างที่กล่าวมาข้างต้น โรคหนองใน เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงที่ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อหนองในได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด นั่นก็คือการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย รวมถึงการตระหนักถึงปัจจัยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วยการคำนึงถึงข้อควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • คำนึงถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่มีเชื้อหนองใน หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ 
  • หากพบความผิดปกติที่มีอาการคล้ายโรคหนองใน ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอย่างทันท่วงที

 

แนวทางการรักษาหนองใน

การรักษาหนองใน

การรักษาหนองในที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น การเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุดจะส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพมากกว่า 

ในกรณีที่เข้ารับการรักษาเมื่อตรวจพบภาวะแทรกซ้อนจากโรคหนองในแล้ว เช่น ภาวะมีบุตรยาก อุ้งเชิงกรานอักเสบ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ฯลฯ แพทย์อาจให้นอนรักษาในโรงพยาบาล หรือเข้ารับการผ่าตัด 

ทั้งนี้การรับยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคหนองในผู้หญิง ส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง เแพทย์จึงแนะนำให้งดการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างเข้ารับการรักษา หรือใช้วิธีการคุมกำเนิดประเภทอื่น

 

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาหนองใน

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาหนองในสำหรับผู้ชาย

  • สวมกางเกงที่สบายไม่อึดอัดและสามารถถอดตรวจได้ง่าย
  • งดทายาบริเวณอวัยวะเพศก่อนเข้ารับการตรวจ
  • ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการตรวจ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาหนองในสำหรับผู้หญิง

  • สวมกางเกงและเสื้อผ้าที่ใส่สบายไม่อึดอัดและสามารถถอดตรวจได้ง่าย
  • งดทายาบริเวณอวัยวะเพศก่อนเข้ารับการตรวจ และไม่ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศโดยผิดวิธี
  • เข้ารับการตรวจโรคหนองในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน หากมีประจำเดือนควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนเข้ารับการตรวจ
  • ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการตรวจ

 

แนวทางการป้องกันการกลับมาเป็นโรคหนองในซ้ำ

วิธีป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นหนองในซ้ำ

  • งดการมีเพศสัมพันธ์ช่วง 7 วันหลังจากรับการรักษาโรคหนองในจนหายดีแล้ว
  • ในกรณีที่หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ ควรใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการกลับมาติดเชื้อหนองใน หรือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
  • รับประทานยารักษาโรคหนองในที่แพทย์จ่ายยาให้อย่างเคร่งครัดครบถ้วน เพื่อป้องกันการดื้อยาและประสิทธิภาพยาที่ดีที่สุด
  • เข้าพบแพทย์เพื่อติดตามอาการของโรคหนองในตามนัดทุกครั้ง
  • รักษาความสะอาดของร่างกาย เสื้อผ้าและชุดชั้นใน
  • รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศอย่างเป็นนิสัย
  • หากพบอาการผิดปกติ เช่น มีหนองไหลออกจากอวัยวะเพศ มีอาการตกขาวผิดปกติ หรือ อาการคล้ายโรคหนองใน ควรรีบเข้าพบแพทย์โดยเร็ว
  • ไม่ควรหาซื้อยารับประทานเอง

 

รักษาหนองใน ที่ฮักษาเมดิคอล

โรคหนองใน เป็นหนึ่งในภัยเงียบที่พึงระมัดระวังไม่แพ้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ  และแน่นอนว่าการมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นการตระหนักรู้ถึงสาเหตุของโรคหนองใน อาการของโรค รวมถึงแนวทางการป้องกันที่ถูกต้องนั้น จะช่วยให้ห่างไกลจากความเสี่ยงโรคหนองในได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่สำคัญคือมุมมองต่อโรคหนองในที่อาจทำให้หลายคนไม่กล้าเข้ารับการตรวจรักษา จนส่งผลให้อาการของโรคหนองในทวีความรุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว การมองมุมใหม่ว่า หนองใน เป็นโรคทางการแพทย์ที่ทุกคนมีโอกาสเป็นได้ จะช่วยให้การตัดสินใจเข้ารับคำปรึกษาโดยแพทย์เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และส่งผลดีต่อการรักษาได้อย่างทันท่วงทีมากขึ้น

สำหรับผู้ที่ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาหนองใน หรือต้องการตรวจวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ สามารถติดต่อสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ ฮักษาคลินิก 

 

HUGSA MEDICAL | รักษาด้วยหัวใจ ห่วงใยดุจญาติมิตร ใกล้ชิดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ