โนโรไวรัส วายร้ายอันตราย ระบาดง่ายในเด็กเล็ก

โนโรไวรัส วายร้ายอันตราย ระบาดง่ายในเด็กเล็ก

ในที่สุดก็ได้เข้าสู่ปี 2025 แล้ว ทางเราก็ต้องขอสวัสดีปีใหม่ทุกท่าน พร้อมกับอำนวยพรให้ทุกท่านมีความสุขสวัสดิ์ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีปัญหาสุขภาพใด ๆ เกิดขึ้นในปีนี้ เพราะถึงแม้ว่าจะพ้นช่วง 7 วันอันตรายจากช่วงเทศกาลอันแสนครื้นเครงไปแล้ว ฤดูหนาวที่ยังไม่หมดสิ้นลงนี้ก็สามารถทำให้คุณ หรือคนที่คุณรักประสบพบเจอกับโรคต่าง ๆ ได้อีกมากมาย โดยเฉพาะช่วงนี้ก็กำลังมีเชื้อไวรัสที่เรียกว่า โนโรไวรัส ซึ่งสามารถระบาดได้อย่างง่ายดายภายในเด็กเล็ก ใครที่มีบุตรหลานช่วงวัยกำลังน่ารัก ก็ควรที่จะทำความรู้จักกับเจ้าโนโรไวรัสนี้เพื่อป้องกันโรคภัย ไม่ให้มันเข้ามากล้ำกรายคนที่คุณรักได้เป็นอันขาด 

โนโรไวรัสคืออะไร สามารถก่อให้เกิดโรคอะไรได้ 

โนโรไวรัส (Norovirus) คือเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งเมื่อติดเชื้อแล้ว จะเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบบริเวณกระเพาะอาหาร ลำไส้ และบริเวณทางเดินอาหาร จึงสามารถเรียกความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากโนโรไวรัสนี้ได้ง่าย ๆ ว่าการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารนั่นเอง เชื้อโนโรไวรัสสามารถระบาดได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วมาก อีกทั้งยังเป็นเชื้อไวรัสที่เก่งกาจ สามารถอดทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ที่มีอานุภาพระดับกลางถึงต่ำได้อีกด้วย จึงสามารถเข้าไปปนเปื้อนตามอาหาร น้ำดื่ม รวมถึงติดต่อจากคนผู้มีเชื้อนี้อยู่ในร่างกายได้อีกด้วย เพียงแค่มีการสัมผัสร่วมกัน หรือหายใจรดกัน 

ดังนั้น โนโรไวรัสจึงสามารถแพร่กระจายได้ง่ายในอากาศและสิ่งของ คนทุกเพศทุกวัยสามารถจะติดเชื้อโนโรไวรัสนี้ได้อย่างไม่มีข้อแม้ เพียงแต่ในเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันยังทำงานไม่เต็มที่ หรือผู้สูงวัยที่มีการบกพร่องทางภูมิคุ้มกัน จะสามารถติดต่อได้ง่ายดายยิ่งกว่า รวมถึงมีอาการที่รุนแรงจนเสี่ยงถึงชีวิตได้ โดยตัวโนโรไวรัสนี้ จะยิ่งระบาดได้ง่ายยิ่งขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว จึงต้องระมัดระวังและคอยดูแลคนในครอบครัวของคุณให้ดี อย่าคิดเพียงแต่ว่าเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนจากร้อนมาหนาวฉับพลัน เลยส่งผลให้บุตรหลานของคุณป่วยไข้เป็นเรื่องปกติ เพราะอาการเหล่านั้นอาจจะบ่งบอกถึงการติดเชื้อโนโรไวรัสนี้ก็เป็นได้ แล้วถ้าหากบุตรหลานของคุณยังเล็กและไม่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเพียงพอ ก็สามารถส่งผลเลวร้ายที่สุดได้ 

หากต้องสงสัยว่าบุตรหลานจะเป็นโนโรไวรัส ควรสังเกตอาการอย่างไร 

ถ้าคุณไม่อยากจะให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นจนกว่าจะหมดสิ้นฤดูหนาวนี้ หรือต้องสงสัยว่าบุตรหลานมีโอกาสที่จะป่วยจากการติดเชื้อโนโรไวรัสนี้ ก็ให้คุณลองสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ดังต่อไปนี้ 

  อาการที่เกิดจากการติดเชื้อโนโรไวรัสทั่วไป 

  • มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน 
  • ท้องเสีย มีอาการถ่ายเป็นน้ำ 
  • มีอาการปวดท้องเกร็ง 
  • มีไข้ต่ำ ๆ 
  • มีอาการอ่อนเพลีย
  • ปวดศีรษะ 

ถ้าหากบุตรหลานของคุณมีอาการดังกล่าว สามารถที่จะให้การรักษาตามอาการได้ เช่น ให้เด็กดื่มน้ำมาก ๆ หรือน้ำผสมเกลือแร่เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ ทำอาหารอ่อน ๆ จำพวกซุป ข้าวต้ม หรือโจ๊กให้ทาน ให้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ และบรรเทาไปเหมือนอาการท้องเสียหรือเป็นไข้ปกติได้เลย ถ้าหากเด็กมีภูมิคุ้มกันปกติดี ไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไรที่น่ากังวล การติดเชื้อโนโรไวรัสก็จะหายไปได้เองภายใน 2 – 3 วัน และถ้าเกิดในเด็กเล็กจะใช้เวลาประมาณ 4 – 6 วัน แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากบุตรหลานของคุณมีอาการดังกล่าวแล้วไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลาเหล่านั้น หรือมีอาการจากการติดเชื้อรุนแรงมากกว่านั้น ดังต่อไปนี้ 

อาการที่เกิดจากการติดเชื้อโนโรไวรัสรุนแรง 

  • มีอาการถ่ายไม่หยุด ในอุจจาระมีมูกเลือดปน 
  • มีอาการไข้สูง
  • ไม่สามารถทานอาหารได้เนื่องจากอาการอาเจียน หรือเบื่ออาหาร 
  • มีอาการเซื่องซึม หรือกระสับกระส่ายผิดปกติ 
  • มีอาการช็อกจากไข้สูง 

โดยอาการทั้งหมดนี้ เป็นอาการติดเชื้อโนโรไวรัสขั้นรุนแรง สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายในเด็กเล็ก หรือเด็กที่มีความบกพร่องทางภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะขาดน้ำหรือช็อกจากไข้จนเป็นภัยต่อชีวิตได้ ผู้ปกครองจึงควรที่จะตั้งสติไว้ให้มั่นแล้วพาบุตรหลานไปสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในทันที เพื่อให้แพทย์ได้ทำการวินิจฉัยและปฐมพยาบาลก่อนจะเกิดเหตุไม่คาดฝันต่อไป 

ขั้นตอนการตรวจและรักษาของแพทย์เบื้องต้น 

เมื่อคุณพาบุตรหลานที่รักไปพบแพทย์แล้ว หลายคนอาจจะเป็นกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นโรงพยาบาลรัฐก็อาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะได้พบแพทย์ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป หากบุตรหลานของคุณอยู่ในอาการที่รุนแรงอยู่ก็สามารถนำส่งตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ แล้วทางโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะดำเนินการ ดังต่อไปนี้

  • พยาบาลทำการซักประวัติคุณที่เป็นผู้ปกครอง (ควรตอบและแจ้งอาการอย่างตรงไปตรงมา)
  • พยาบาลจะส่งผู้ปกครองและเด็กในการปกครองไปเก็บอุจจาระส่งตรวจ 
  • หากผลออกมาว่าเกิดจากการติดเชื้อโนโรไวรัส แพทย์จะมาแจ้งผลพร้อมดูอาการ
  • เมื่อเด็กมีอาการรุนแรงจนไม่สามารถไปพักผ่อนที่บ้านได้ แพทย์จะวินิจฉัยให้นอนโรงพยาบาลจนกว่าจะดีขึ้น 
  • โดยทั่วไปแพทย์มักจะรักษาอาการติดเชื้อโนโรไวรัส ด้วยการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด ให้เด็กรับประทานอาหารอ่อน ๆ อาจต้องกินยาสำหรับหยุดอาเจียนหรือแก้ปวดท้องเกร็งเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์เจ้าของไข้  
  • ตามสถิติทั่วไปแล้ว เด็กจะค่อย ๆ มีอาการดีขึ้น แล้วหายภายในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ 

คุณสามารถที่จะป้องกันบุตรหลานให้ห่างไกลจากโนโรไวรัสได้อย่างไร 

ถึงแม้ว่าเชื้อโนโรไวรัสนี้จะไม่ได้มีฤทธิ์มากจนน่ากังวลอย่างไข้เลือดออกในเด็ก เพราะยิ่งเด็กมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงเท่าไร อานุภาพของโนโรไวรัสก็จะยิ่งลดลง แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยกับบุตรหลานของคุณได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง หากคุณไม่ต้องการที่จะเห็นบุตรหลานเซื่องซึม ไม่สามารถออกไปเล่น หรือไปโรงเรียนได้ปกติ อีกทั้งมีอาการเจ็บป่วยจนดูทรมาน จึงควรที่จะป้องกันเอาไว้ก่อนจะเกิดเหตุขึ้น โดยการป้องกันเชื้อโนโรไวรัสที่ความร้อนและยาฆ่าเชื้อบางชนิดไม่สามารถกำจัดออกไปได้ มีอยู่ดังต่อไปนี้  

  • แนะนำให้บุตรหลานก่อนทานหรือใช้มือหยิบจับอาหาร ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้ง
  • หากออกมาจากการเข้าห้องน้ำ ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งเช่นกัน
  • ในการล้างมือด้วยสบู่นั้น ควรปฏิบัติตามหลักการล้างมือสากล และใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 วินาที 
  • บอกให้บุตรหลานดื่มน้ำที่สะอาด อย่าดื่มน้ำที่เหลือหรือตกค้างในขวด 
  • แนะนำให้บุตรหลานไม่ดื่มน้ำร่วมแก้ว ร่วมขวด ร่วมหลอดกับผู้อื่น 
  • หากเป็นไปได้ ควรให้บุตรหลานใช้ช้อนกลางในการทานอาหารร่วมกัน
  • หมั่นทำอาหารที่ปรุงสุก สะอาด และสดใหม่ให้อยู่เสมอ   
  • หมั่นทำความสะอาดของเล่น ของใช้ หรือพื้นผิวต่าง ๆ ที่เด็กจะหยิบจับด้วยน้ำสบู่ 

หากให้สรุปวิธีการป้องกันเชื้อโนโรไวรัสอย่างง่ายเลย ก็คือให้ทำตามหลักกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันการติดเชื้อไปได้มากมายแล้ว อีกทั้งยังสามารถที่จะป้องกันการติดเชื้ออื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กเล็กได้อีกด้วย อย่างเช่น โรคมือเท้าปาก เป็นต้น

ซึ่งโนโรไวรัสนี้ มักจะระบาดได้ง่ายในหน้าหนาวก็จริง แต่ในหน้าร้อนก็ยังสามารถระบาดได้เช่นกัน จึงไม่ควรลดการ์ดหรือการป้องกันลง จนกว่าบุตรหลานของคุณจะโตพอที่จะมีภูมิคุ้มกันแบบเดียวกับผู้ใหญ่แล้ว โดยสถานที่ที่มักเกิดการแพร่ระบาดจะเป็นพื้นที่ชุมชน อาทิ โรงเรียน สถานเลี้ยงเด็ก ร้านอาหาร อีกทั้งยังสามารถระบาดได้แม้แต่ในรถบัส หรือยานพาหนะต่าง ๆ ที่มีผู้คนแออัด แน่นอนว่าในบางสถานที่ ผู้ปกครองไม่สามารถเข้าไปดูแลอย่างทั่วถึงได้ตลอดเวลา ดังนั้นการลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุดคือวิธีป้องกันที่ดีที่สุด 

แต่ถ้าหากคุณทำเต็มที่แล้ว แต่ลูกน้อยก็ยังคงมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง คุณสามารถฝากให้เราคอยดูแลบุตรหลานที่รักของคุณได้ที่ ฮักษาคลินิก รับรองเลยว่าทีมแพทย์ที่นี่ทุกคนจะดูแลเอาใจใส่เด็กน้อยของคุณ เหมือนดูแลคนในครอบครัวตนเอง ให้คุณสามารถไว้วางใจได้ว่า อีกไม่นานวันเวลาอันย่ำแย่ของโรคภัยจะผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน